“จิ้งจอกสีน้ำเงิน” เลสเตอร์ ซิตี้ : ถ่ายเลือดที่ลงตัว!!
ขึ้นชื่อว่าแชมป์แห่งพรีเมียร์ลีก 2015/16 เป็นประวัติศาสตร์ของ “จิ้งจอกสีนำเงิน” เลสเตอร์ ซิตี้
ทว่ายังไม่พอต่อการยกระดับรากฐานสโมสรให้แข็งแกร่งเทียบเท่าระดับยักษ์ใหญ่ในแดนผู้ดี อย่าง แมนฯยูไนเต็ด, แมนฯซิตี้, ลิเวอร์พูล, เชลซี, สเปอร์สหรืออาร์เซน่อล
แน่นอนว่าเลสเตอร์ต้องการมากกว่านั้น เพื่อยกระดับทีมให้คงที่
สิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญ ณ เวลานั้น หลังคว้าแชมป์ลีก 2015/16 คือ เสี่ยงเสียแข้งตัวแกร่งให้ทีมอื่นๆและเสี่ยงต่อความโรยราของนักเตะ
ฤดูกาลถัดมาพวกเขาไม่มี เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กลางรับที่ถือว่าดีที่สุดในโลกก่อนเลย โดยย้ายไปเชลซี บวกกับความโรยราในแดนหลังของโรเบิร์ต ฮูธและเวส มอร์แกน
ฤดูกาล 2016/17 เลสเตอร์คว้าอันดับ 12 เสียประตูยับถึง 63 ลูก เยอะติดท็อป 7 ทีมที่เสียประตูเยอะที่สุด ฟอร์มเทียบไม่ได้กับชุดแชมป์ 2015/16 ที่เสียเพียง 36 ประตูเท่านั้น
หลังจากนั้นเรื่อยมาก็ต้องเสียทั้งแดนกลาง แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ ให้เชลซีปี 2017 และตัวรุก ริยาด มาห์เรซ ให้แมนฯซิตี้ปี 2018
ในขณะที่การเสริมทัพเพื่อแก้ปัญหาในตอนนั้น แทบไม่เข้าเป้าเอาซะเลย
ปี 2016/17 กว่าความพยายามจะประสบความสำเร็จ ก็เป็นช่วงมกราคมเข้าให้แล้ว โดยมีเพียงแค่กลางรับ วีลเฟรด เอ็นดีดี้
ต่อมาปี 2017/18 พวกเขาเริ่มค้นพบจี๊กซอว์ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กองหลังตัวกลาง และ เบน ชิลเวลล์ ฝั่งแบ็คซ้าย แต่นั่นไม่เพียงพอต่การคว้าตั๋วยุโรป โดยรั้งอันดับ 9
เลสเตอร์เริ่มต้นฤดูกาล 2018/19ด้วยการค้นพบแข้งฝีเท้าดีเพิ่มเติมคือ ริคาร์โด้ เปร์เรร่า แบ็คขวาและเจมส์ แมดดิสัน ตัวรุก ตามด้วย ยูรี่ ตีเลอม็องส์ กองกลางและฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ ตัวรุกในช่วงมกราคม
ถึงแม้ยังสลัดหนีอันดับ 9 ในลีกไม่หลุดอีกปี แต่สิ่งที่เลสเตอร์ได้คือความเป็นรูปเป็นร่าง
แม้ปี 2019/20 จะเสียแฮร์รี่ แม็คไกวร์ให้แมนฯยูไนเต็ด แต่มี คักล่าร์ โซยุนคู ทดแทนได้ในแนวรับพอดิบพอดี ในขณะที่การดึงตัวรุก อาโญเซ่ เปเรซ ก็ไม่ได้ถือว่าน่าเกลียดเลย
พร้อมกันนั้นยังมี 2 กองกลาง ฮัมซ่า เชาดูรี่และเดนนิส ปราเอ้ต์ ที่มีลุ้นขึ้นมาสอดแทรกด้วย
ซึ่ง 10 ผู้เล่นที่ว่ามา มีอายุใช้งานอีกหลายปี ถ่ายเลือดหนนี้ของเลสเตอร์ ถือว่า “สำเร็จ”
ไม่แปลกที่พวกเขากำลังสะเทือนพื้นที่ UCL ฤดูกาล 2019/20 อย่างที่เห็น
แต่สุดท้ายแม้เลสเตอร์จะถ่ายเลือดลุล่วง แต่ก็เสี่ยงเสียเลือดเรื่อยๆเหมือนเดิม ท่ามกลางข่าวลืออย่างต่อเนื่อง
แต่ดูจากพฤติกรรมในยุคหลังๆ ที่เลสเตอร์ไม่ยอมเสียแข้งตัวหลักไม่เกิน 1 คนต่อปี เทียบกับการค้นพบเรื่อยๆแล้ว
เชื่อว่าจิ้งจอกสีน้ำเงินกับการสะเทือน TOP 4 อาจไม่ใช่เส้นขนานบ่อยๆแน่นอน